วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
โรงแรมไทรโยค ริเวอร์วิว รีสอร์ท
สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สวยงามท่ามกลางธรรมชาติ ให้คณเลือกสัมผัสความสุขได้ทุกย่างก้าวไม่ว่าจะเป็น บ้านเนินเขา บ้านทิวเขา เรือนแพริมน้ำ ห้องอาหาร สนุกเกอร์ คาราโอเกะ สระว่ายน้ำ สนามฟุตบอลขนาดเล็ก พร้อมรับบริการที่มีระดับ สำหรับคุณและครอบครัว
อาณาจักรแห่งความสุข...เพื่อทุกบรรยากาศ
เพราะที่นี่มีความสุขที่คุณเลือกได้ชิดใกล้ธรรมชาติและแมกไม้นานาพันธุ์ ณ จุดตัดระหว่างม่านหมอก และท้องน้ำ ท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม พร้อมความสะดวกสบาย คือเสน่ห์แห่งบรรยากาศเพื่อการพักผ่อนที่เพียบพร้อม
ซึ่งถ้าใครสนใจ ก้เข้าไปชมรายละเอียดที่ เวบไซต์นี้ได้เลย
http://www.saiyok-riverviewresort.com/
รับรองว่ามาเที่ยวเมืองกาญครั้งนี้ ต้องคุ้มจิงๆ
จุลินทรีย์ EM มีประโยชน์อย่างไร
การใช้จุลินทรีย์สด หรือ EM สด หมายถึง การใช้จุลินทรีย์ (EM) จากโรงงานผลิต หรือผู้จำหน่ายที่ยังไม่ได้ทำการแปรสภาพวิธีใช้และประโยชน์ของ EM สด
1. ใช้กับพืช (ปุ๋ยน้ำ)ผสมน้ำในอัตรา 1:1000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ: น้ำ 10 ลิตร) ใ
ช้ฉีด พ่น รด ราด พืชต่าง ๆ ให้ทั่วจากดิน ลำต้น กิ่ง ใบ และนอกทรงพุ่ม พืช ผัก ฉีด พ่น รด ราด ทุก 3 วัน ไม้ดอก ไม้ประดับ เดือนละ 1 ครั้ง การใช้จุลินทรีย์สดในดิน ควรมีอินทรีย์วัตถุปกคลุมด้วย เช่น ฟางแห้ง ใบไม้แห้ง ฯลฯ เพื่อรักษาความชื้นและเป็นอาหารของจุลินทรีย์ต่อไป
2. ใช้ในการทำ EM ขยายปุ๋ยแห้ง
3. ใช้กับสัตว์ (ไม่ต้องผสมกากน้ำตาล)ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ให้สัตว์กินทำให้แข็งแรง ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร ใช้พ่นคอกให้สะอาดกำจัดกลิ่น หากสัตรว์เป็นโรคทางเดินอาหารให้กิน EM สด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารให้สัตว์กิน ฯลฯ
4. ใช้กับสิ่งแวดล้อมใส่ห้องน้ำห้องส้วมและในโถส้วมทุกวัน วันละ 1 ช้อนโต๊ะ (หรือ สัปดาห์ละ 1/2 แก้ว) ช่วยให้เกิดการย่อยสลาย ไม่มีกาก ทำให้ส้วมไม่เต็ม กำจัดกลิ่นด้วยการผสมน้ำและกากน้ำตาลในอัตราส่วน 1 : 1 : 1000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ : กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 1 ลิตร)
ฉีด พ่น ทุก 3 วัน บำบัดน้ำเสีย 1: 1000 หรือ EM 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ใช้กำจัดเศษอาหาร หรือทำปุ๋ยน้ำจากเศษอาหาร แก้ไขท่ออุดตัน EM 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ 5-7 วัน/ครั้ง ฉีดพ่นปรับอากาศในครัวเรือน กำจัดกลิ่นในแหล่งน้ำ ใช้ฉีด พ่น หรือ ราดลงไปในแหล่งน้ำ 1 ลิตร : 10 ลบ.ม. กลิ่นจากของแห้ง แข็ง มีความชื้นต่ำ แล้วแต่สภาพความแห้ง หรือความเหม็น โดย ผสมน้ำ 1 : 100 หรือ 200 หรือ 500 ส่วนขยะแห้งประเภทกระดาษ ใบตอง เศษอาหาร ใช้ฉีดพ่น อัตรา EM ขยาย 1 ส่วนผสมน้ำ 500 ส่วน หรือ EM ขยาย 1 ลิตร : น้ำ 500 ลิตรวิธีใช้และประโยชน์ EM ขยายใช้กับพืชเหมือน EM สด ใช้กับสัตว์ ผสมน้ำ 1 : 100 ฉีดพ่นคอก กำจัดแมลงรบกวน ผสมน้ำ 1: 1000 ล้างคอก กำจัดกลิ่น ผสมน้ำในอัตรา 1: 500 หรือ 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร เพื่อหมักหญ้าแห้ง ฟางแห้ง เป็นอาหารสัตว์ ใช้ทำปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยแห้ง เหมือนใช้ EM สด ใช้กับสิ่งแวดล้อม เหมือนใช้ EM สด
การดูแลรักษา
หัวเชื้อ EM สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 ปี โดยปิดฝาให้สนิท อย่าทิ้ง EM ไว้กลางแดด และอย่าเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติ ทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ต้องรีบปิดฝาให้สนิท เพื่อไม่ให้เชื้อโรค หรือจุลินทรีย์ในอากาศที่เป็นโทษเข้าไปปะปน การนำ EM ไปขยายต่อ ควรใช้ภาชนะที่สะอาดและใช้ให้หมดในระยะเวลาที่เหมาะสม ข้อสังเกตพิเศษหาก EM เปลี่ยนเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็นเน่า ถือว่า EM ตาย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ให้นำ EM ที่เสียผสมน้ำรดกำจัดหญ้าและวัชพืชที่ไม่ต้องการได้ กรณีเก็บไว้นาน ๆ จะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ แสดงว่า EM พักตัว เมื่อเขย่าภาชนะฝ้าขาวจะสลายตัวกลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิมนำไปใช้ได้ เมื่อนำไปขยายเชื้อในน้ำและกากน้ำตาล จะมีกลิ่นหอม และเป็นฟองขาว ๆ ภายใน 2-3 วัน ถ้าไม่มีฟอง น้ำนิ่งสนิทแสดงว่าการหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล
ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=xammy&month=08-2006&date=17&group=3&gblog=1 เขียนไว้ดีมาก
วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551
อีเอ็ม (EM) คืออะไร
หลังจากนั้นศาสนาจารย์วาคุกามิ ได้นำมาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา หรือ คิวเซ (คิวเซ แปลว่า ช่วยเหลือโลก) ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
จากการค้นคว้าพบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ว่ามี 3 กลุ่ม คือ1. กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพ มีประมาณ 10 % 2. กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10 %3. กลุ่มเป็นกลาง มีประมาณ 80 % จุลินทรีย์กลุ่มนี้หากกลุ่มใด มีจำนวนมากกว่ากลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือร่วมด้วย
ดังนั้น การเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพลงในดิน ก็เพื่อให้กลุ่มสร้างสรรค์มีจำนวนมากกว่า ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับมีพลังขึ้นมาอีกหลังจากที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีจนดินตายไป
จุลินทรีย์มี 2 ประเภท
1. ประเภทต้องการอากาศ (Aerobic Bacteria)
2. ประเภทไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic Bacteria)
จุลินทรีย์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้จากการค้นคว้าดังกล่าว ได้มีการนำเอาจุลินทรีย์ที่ได้รับการคัดและเลือกสรรอย่างดีจากธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม มารวมกัน 5 กลุ่ม (Families) 10 จีนัส (Genues) 80 ชนิด (Spicies) ได้แก่
กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi) ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำงานได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจน มีคุณสมบัติต้านทานความร้อนได้ดี ปกติใช้เป็นหัวเชื้อผลิตเหล้า ผลิตปุ๋ยหมัก ฯลฯ
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง (Photosynthetic microorganisms) ทำหน้าที่สังเคราะห์สารอินทรีย์ให้แก่ดิน เช่น ไนโตรเจน (N2) กรดอะมิโน (Amino acids) น้ำตาล (Sugar) วิตามิน (Vitamins) ออร์โมน (Hormones) และอื่นๆ เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ดิน
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก (Zynogumic or Fermented microorganisms) ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้ดินต้านทานโรค (Diseases resistant) ฯลฯ เข้าสู่วงจรการย่อยสลายได้ดี ช่วยลดการ พังทลายของดิน ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชบางชนิด ของพืชและสัตว์ สามารถบำบัดมลพิษในน้ำเสียที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษต่างๆ ได้
กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน (Nitrogen fixing microorganisms) มีทั้งพวกที่เป็นสาหร่าย (Algae) และพวกแบคทีเรีย (Bacteria) ทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนจากอากาศเพื่อให้ดินผลิตสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต เช่น โปรตีน (Protein) กรดอินทรีย์ (Organic acids) กรดไขมัน (Fatty acids) แป้ง (Starch or Carbohydrates) ฮอร์โมน(Hormones) วิตามิน (Vitamins) ฯลฯ
กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก (Lactic acids) มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อรา และแบคทีเรียที่เป็นโทษ ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศหายใจ ทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพดินเน่าเปื่อย หรือดินก่อโรคให้เป็นดินที่ต้านทานโรค ช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืชที่มีจำนวนนับแสน หรือให้หมดไป นอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายเปลือกเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยให้เมล็ดงอกได้ดีและแข็งแรงกว่าปกติอีกด้วย
ที่มา : http://www.chivavithee.net/modules.php?name=News&file=article&sid=23 ลองคลิกเข้าไปดูกันนะ
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551
การนำ EM ไปใช้ กับการปลูกพืช
1. EM ขยาย
2. EM โบกาฉิ หรือ ปุ๋ยคอกหมัก
3. สารเสริม เช่น EM5 ฮอร์โมนผลไม้ EM F.P.E. พืช อาศัยอาหารจากดิน อาหารในดินก็คือ ซากพืช ซากสัตว์ ที่ผ่านการย่อยของจุลินทรีย์แล้ว
ดังนั้นแปลงปลูกพืชจะต้องยึดหลัก 3 ประการ
1. การคลุมดิน ช่วยให้รักษาความชื้น ป้องกันวัชพืช และกลายเป็นปุ๋ย
- แปลงเพาะปลูกพืชผัก ต้องคลุม แปลง
- ในสวนไม้ผล จัดหาหญ้า ฟาง ใบไม้ใส่ หากมีหญ้า ก็ตัดคลุมดิน ถ้าไม่ตัดก็ปล่อยไว้ ไม่ควรใช้ยาฆ่าหญ้า - ในไร่ ในนา ปล่อยหญ้าฟางไว้ ไม่ควรเผา หรือกำจัด ใช้วิธีไถเพื่อกำจัด จะกลายไปเป็นปุ๋ย
2. ไม่ไถพรวน ยกเว้น
- เพื่อการกำจัดวัชพืช
- เพื่อการยกแปลงใหม่ จะทำไร่ ทำนา หญ้าในแปลงมากมายเป็นเรื่องดี ใส่ EM โบกาฉิ พ่น EM แล้วไถพรวน หญ้าจะถูกย่อยเป็นปุ๋ย หรือไถแล้วยกแปลงเพื่อการปลูกผัก ข้าวโพด มัน อ้อย และอื่นๆ ที่ปลูกบนแปลง
3. งดเคมี หากไม่งดจะทำให้การพัฒนาดินเป็นไปได้ช้า เพราะ
- เคมีทำให้ดินแข็ง
- EM ทำให้ดินร่วน
วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551
สถานที่ท่องเที่ยว อ.ท่าม่วง

อยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ วัดนี้ประดับประดาไปด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งมีศิลปะแบบจีน และมีความงามสะดุดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเก๋งจีนบนยอดเขา

ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง อยู่ห่างจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ ประมาณ 4 กม. ทางเข้าวัดต้องผ่านตัวเขื่อนวชิราลงกรณ์แล้วเลี้ยวขวา วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขา มีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก และอุโบสถอัฏมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา

เป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอท่าม่วง ห่างจากตัวเมืองลงไปทางใต้ประมาณ 14 กม. เป็นเขื่อนที่มีความสำคัญที่สุดในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง ครอบคลุมพื้นที่ 3 ล้านไร่ ในจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ตัวเขื่อนกว้าง 117.50 เมตร ยาว 1,650 เมตร บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม
ผลิตภัณฑ์ OTOP

แหล่งขาย : กลุ่มศูนย์ฝึกวิชาชีพเจียระไนนิล 284/31 บ้านเหนือ ถ.แสงชูโต ใกล้โรงแรมริเวอร์แคว ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71000 ติดต่อ : นางกิมไน้ สิริพฤกษา โทร : 034 512144, 01 858-8833

------------------------------------------------------------------------------------------

แก้วน้ำเบญจรงค์ ลายจุดทอง แก้วน้ำเบญจรงค์พร้อมจานรอง (OTOP)(มผช)
แหล่งขาย : กลุ่มหัตถกรรมเบญจรงค์ หวายเหนียว 59 หมู่ 1 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120 ติดต่อ : คุณบุษกร จุ่นอยู่ โทร :01 2908580, 01 7954068, 02 2345401
------------------------------------------------------------------------------------------

กระถางธูปเบญจรงค์ 10 นิ้ว ลายข้าวบิณฑ์ตั้ง (OTOP)(มผช)
แหล่งขาย : กลุ่มหัตถกรรมเบญจรงค์ หวายเหนียว 59 หมู่ 1 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120 ติดต่อ : คุณบุษกร จุ่นอยู่ โทร :01 2908580, 01 7954068, 02 2345401
-----------------------------------------------------------------------------------
ถ้าหากสนใจ ก็ลองเข้าไปดูลายละเอียดในเวบนี้นะค่ะ : http://www.rd.go.th/kanchanaburi/1566.0.html
วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2551
เขื่อนศรีนครินทร์

ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์


สะพานข้ามแม่น้ำแคว

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ

สถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอศรีสวัสดิ์
มีเนื้อที่ 343,750 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2518 มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ
น้ำตกเอราวัณ
เป็นน้ำตกที่ใหญ่ และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ น้ำตกเอราวัณมีความยาว 2,000 เมตร ทั้งหมด 7 ชั้น อยู่ห่างจากตัวเมือง 65 กม. ขึ้นไปบนเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199) เมื่อถึงกม.ที่ 56 แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ตรงไปอีกประมาณ 3 กม. ถึงลานจอดรถแล้วเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะถึงน้ำตก สำหรับการเดินทางโดยรถประจำทาง มีรถออกจากสถานีขนส่งใกล้ที่ทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวัน ที่บริเวณน้ำตกเอราวัณมีบ้านพักของกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 579-0529, 579-4842
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 54 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 323 ตรงหลัก กม.ที่ 63 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 2 กม. ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ (วังบาดาล) แล้วเดินทางต่อไปอีก 1 กม. จะถึงปากถ้ำลักษณะของถ้ำวังบาดาล เช่น ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ปากทางเข้าเป็นห้องเล็กๆ มีหลายห้อง ห้องชั้นล่างมีน้ำไหลผ่านและมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ด้วย เช่น ห้องม่านพระอินทร์ จะมีลักษณะหินย้อยลงมาคล้ายกับม่าน ห้องเข็มนารายณ์ มีลักษณะคล้ายเข็มแท่งใหญ๋ซึ่งวิจิตรงดงามมาก
------------------------------------------------------------
อยู่ห่างจากน้ำตกเอราวัณประมาณ 8 กม. ห่างที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 12 กม. เป็นถ้ำขนาดใหญ๋ถื้นถ้ำเรียบมีความยาวประมาณ 200 ม. มีหินงอกหินย้อยงดงามมาก หินส่วนใหญ่จะโปร่งแสง มีหินทรายรูปพระธาตุ หรือรูปนกอินทรีย์หุบปีกตั้งอยู่กลางถ้ำ นอกจากนี้ยังมีเสาเอก เสาโท อยู่ภายในถ้ำอีกด้วย การเข้าชมถ้ำพระธาตุ นักท่องเที่ยวจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ณ ที่ทำการ ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทางให้
เริ่มจาก จ.กาญฯ ไปตามเส้นทางที่จะไปเขื่อนศรีนครินทร์จนถึงบ้านถ้ำพระธาตุ แล้วเลี้ยวซ้าย ไปยังอำเภอไทรโยค ประมาณ 2 กม. จะมีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจะเป็นทางติดกับแม่น้ำแคว และสามารถเข้าไปยังด้านหลังเขื่อนท่าทุ่งนาได้ ระยะทางประมาณ 2 กม. จะถึงเชิงเขาที่มีถ้ำตาด้วง จากนั้นต้องเดินขึ้นเขา ซึ่งค่อนข้างชันมากไปอีก 700-800 ม. เนื่องจากถ้ำนี้มีหินถล่มลงมาปิดปากถ้ำจึงไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ลักษณะเด่นของถ้ำนี้มีภาพเขียนอยู่ทีผนังปากถ้ำเป็นรูปคนและต้นไม้ นอกจากนี้ยังพบเศษเครื่องใช้สมัยโบราณยุคหินใหม่ เช่น เศษถ้วย ไห เป็นต้น
ถ้ำหมี
เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีอากาศถ่ายเทพอควร (จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ในอดีตถ้ำนี้เป็นที่อยู่ของหมี ทำให็เรียกต่อๆ มาว่า "ถ้ำหมี") ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องลดหลั่นเป็นชั้นๆ ได้ 5 ห้อง แต่ละห้องจะปรากฏหินรูปร่าง และสีแปลกตามีหินงอก หินย้อยตามผนังถ้ำสวยงามพอสมควร ท่านสามารถเดินทางจากจังหวัดกาญฯ ไปยังบ้านถ้ำพระธาตุ แล้วเลี้ยซ้ายไปทางอำเภอไทรโยค จนถึงทางเข้าบ้านทับศิลาบริเวณหลัก กม.ที่ 10 แล้วเดินทางไปตามทางลูกรังอีก 500 ม. จะถึงบ้านทับศิลาและเข้าซอยสามัคคีธรรม 10 จนถึงคลองตะเคียน จากจุดนี้เดินเท้าไปตามเส้นทางชักลากไม้เก่าต่อไปอีก 7 กม.
เริ่มจากซอยสามัคคีธรรม 10 ข้ามคลองตะเคียนไปประมาณ 100-200 ม. จะมีทางเลี้ยวขวา ซึ่งรถยนต์จะสามารถแล่นเข้าไปได้ประมาณ 200-300 ม. จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. ก็จะถึงถ้ำเรือ ซึ่งเป็นถ้ำที่มีความลึก ประมาณ 40-50 ม. ไม่มีหินงอกหินย้อยแต่จุดเด่นอยู่ที่มีภาชนะที่ใช้รองน้ำสมัยโบราณวางอยู่ ภาชนะนั้นทำจากไม้ทั้งต้น
อุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยค


อุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยคกาญจนบุรี
มีเนื้อที่ 598,750 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2523 สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน ประกอบด้วยพื้นที่ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ไทรโยค ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งเดียวในประเทศไทยที่มีค้างคาวที่เล็กที่สุดในโลก คือ ค้างคาวกิตติ และ ปูราชินี ปูน้ำจืดชนิดใหม่ของโลกอาศัยอยู่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทรโยคเคยเป็นค่ายพักแรมของทหารญี่ปุ่น ปัจจุบันปรากฎร่องรอยเตาหุงข้าวและซากเตาไฟอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบร่องรอยมนุษย์ยุคหินเก่า แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ
น้ำตกไทรโยคใหญ่ หรือเรียกอีกชื่อว่า น้ำตกเขาโจน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลตกลงจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำแควน้อยราวกับกระโจนลงมา น้ำตกไทรโยคใหญ่จะมีน้ำตลอดปี และน้ำจะแรงมากในฤดูฝน และในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เคยเสด็จประพาส ณ น้ำตกแห่งนี้ เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 3 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2420 ปีฉลู ภายในอุทยานมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทาง และมีจุดชมวิวสะพานแขวนไทรโยคที่จะเห็นน้ำตกไทรโยคได้ชัดเจน อัตราค่าเข้าชมอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท บริเวณอุทยานมีบริการร้านอาหาร แพพัก แพล่อง เรือเช่า บ้านพัก ค่ายพักแรมและสถานที่กางเต็นท์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค โทร. 0 3451 6163 และที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น.
วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2551
ประวัติเมืองกาญจนบุรี

กาญจนบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 129 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 19,473 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่ามีทั้งป่าโปร่งและป่าดงดิบ มีแม่น้ำสำคัญสองสายคือ แม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อยซึ่งไหลมาบรรจบรวมกันเป็นแม่น้ำแม่กลองที่บริเวณอำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอเลาขวัญ อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอทองผาภูมิ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา
เขตการปกครองและประชากร แบ่งเขตการปกครองออกเป็น- 13 อำเภอ 95 ตำบล 915 หมู่บ้าน - องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มี องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 26 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 95 แห่ง