วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

โรงแรมไทรโยค ริเวอร์วิว รีสอร์ท


วันนี้ขอแนะนำ โรงแรมไทรโยค ริเวอร์วิว รีสอร์ท

สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สวยงามท่ามกลางธรรมชาติ ให้คณเลือกสัมผัสความสุขได้ทุกย่างก้าวไม่ว่าจะเป็น บ้านเนินเขา บ้านทิวเขา เรือนแพริมน้ำ ห้องอาหาร สนุกเกอร์ คาราโอเกะ สระว่ายน้ำ สนามฟุตบอลขนาดเล็ก พร้อมรับบริการที่มีระดับ สำหรับคุณและครอบครัว

อาณาจักรแห่งความสุข...เพื่อทุกบรรยากาศ
เพราะที่นี่มีความสุขที่คุณเลือกได้ชิดใกล้ธรรมชาติและแมกไม้นานาพันธุ์ ณ จุดตัดระหว่างม่านหมอก และท้องน้ำ ท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม พร้อมความสะดวกสบาย คือเสน่ห์แห่งบรรยากาศเพื่อการพักผ่อนที่เพียบพร้อม


ซึ่งทางโรงแรมนี้ เค๊าก็มีกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ให้เราได้เลือกสรร เช่น


กิจกรรมการล่องแพ มีให้เลือกทั้งแพใหญ่และแพเล็ก สามารถรองรับได้ประมาณ 50-60 คน เรือจะลากแพขึ้นไปเหนือกระแสน้ำ แล้วปล่อยให้แพนั้นล่องลงมาผ่านหน้ารีสอร์ท และล่องต่อไปยังถ้ำกระแซ คุณจะได้เห็นทางรถไฟสายมรณะ จากมุมมองด้านล่างยิ่งถ้าเป็นช่วงที่รถไฟแล่นผ่านจะยิ่งน่าชมมาก ในการล่องแพนั้นจะมีสต๊าฟคอยดูแลเราเป็นอย่างดี ทุกคนจะต้องใส่ชูชีพเพื่อความปลอดภัย ใครที่อยากเล่นน้ำก็สามารถลงเล่นได้อย่างปลอดภัย

กิจกรรมการขี่จักรยานชมธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำเราว่าควรจะขี่ไปทางไหนบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะขี่ในบริเวณรีสอร์ทเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบ
แถมยังมีตัวอย่างรายการท่องเที่ยว
ให้เราได้เข้าสัมผัสเสน่ห์ของธรรมชาติที่โรงแรมไทรโยคริเวอร์วิวรีสอร์ท กาญจนบุรีดังนี้
1.ล่องแพชมธรรมชาติ เริ่มจากรีสอร์ท ล่องไปชมทางรถไฟสายมรณะ ท่านจะได้ชมทิวทัศน์ และใกล้ชิดธรรมชาติสองฟากฝั่งแม่น้ำแควน้อย ที่สวยงามร่วมรื่นตลอดเส้นทาง
2.ล่องแพไม้ไผ่ เริ่มล่องจากรีสอร์ท กิจกรรมนี้นอกจากท่านจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ระหว่างทางท่านสามารถลงเล่นน้ำได้ ในการล่องแพไม้ไผ่นั้นจะมีสต๊าฟคอยดูแลท่านเป็นอย่างดี ทุกท่านจะต้องใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย
3.ขี่ช้างชมไพร เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สามารถสร้างความตื่นเต้นสนุกสนาน ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก ช้างแสนรู้จะนำพาท่านเที่ยวชมธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำ และท่านจะได้ชมการแสดงต่างๆ ของช้างที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี
4.ขี่จักรยานชมธรรมชาติ บนเนื้อที่ที่กว้างขวางของรีสอร์ท ท่านและครอบครัวสามารถติดต่อขอเช่าจักรยานจากทางรีสอร์ท เพื่อการออกกำลังกาย หรือเที่ยวชมรีสอร์ทให้ทั่วบริเวณได้ทุกวัน


ซึ่งถ้าใครสนใจ ก้เข้าไปชมรายละเอียดที่ เวบไซต์นี้ได้เลย

http://www.saiyok-riverviewresort.com/


รับรองว่ามาเที่ยวเมืองกาญครั้งนี้ ต้องคุ้มจิงๆ

จุลินทรีย์ EM มีประโยชน์อย่างไร

จุลินทรีย์ EM มีประโยชน์อย่างไร

การใช้จุลินทรีย์สด หรือ EM สด หมายถึง การใช้จุลินทรีย์ (EM) จากโรงงานผลิต หรือผู้จำหน่ายที่ยังไม่ได้ทำการแปรสภาพวิธีใช้และประโยชน์ของ EM สด

1. ใช้กับพืช (ปุ๋ยน้ำ)ผสมน้ำในอัตรา 1:1000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ: น้ำ 10 ลิตร) ใ
ช้ฉีด พ่น รด ราด พืชต่าง ๆ ให้ทั่วจากดิน ลำต้น กิ่ง ใบ และนอกทรงพุ่ม พืช ผัก ฉีด พ่น รด ราด ทุก 3 วัน ไม้ดอก ไม้ประดับ เดือนละ 1 ครั้ง การใช้จุลินทรีย์สดในดิน ควรมีอินทรีย์วัตถุปกคลุมด้วย เช่น ฟางแห้ง ใบไม้แห้ง ฯลฯ เพื่อรักษาความชื้นและเป็นอาหารของจุลินทรีย์ต่อไป

2. ใช้ในการทำ EM ขยายปุ๋ยแห้ง

3. ใช้กับสัตว์ (ไม่ต้องผสมกากน้ำตาล)ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ให้สัตว์กินทำให้แข็งแรง ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร ใช้พ่นคอกให้สะอาดกำจัดกลิ่น หากสัตรว์เป็นโรคทางเดินอาหารให้กิน EM สด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารให้สัตว์กิน ฯลฯ

4. ใช้กับสิ่งแวดล้อมใส่ห้องน้ำห้องส้วมและในโถส้วมทุกวัน วันละ 1 ช้อนโต๊ะ (หรือ สัปดาห์ละ 1/2 แก้ว) ช่วยให้เกิดการย่อยสลาย ไม่มีกาก ทำให้ส้วมไม่เต็ม กำจัดกลิ่นด้วยการผสมน้ำและกากน้ำตาลในอัตราส่วน 1 : 1 : 1000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ : กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 1 ลิตร)
ฉีด พ่น ทุก 3 วัน บำบัดน้ำเสีย 1: 1000 หรือ EM 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ใช้กำจัดเศษอาหาร หรือทำปุ๋ยน้ำจากเศษอาหาร แก้ไขท่ออุดตัน EM 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ 5-7 วัน/ครั้ง ฉีดพ่นปรับอากาศในครัวเรือน กำจัดกลิ่นในแหล่งน้ำ ใช้ฉีด พ่น หรือ ราดลงไปในแหล่งน้ำ 1 ลิตร : 10 ลบ.ม. กลิ่นจากของแห้ง แข็ง มีความชื้นต่ำ แล้วแต่สภาพความแห้ง หรือความเหม็น โดย ผสมน้ำ 1 : 100 หรือ 200 หรือ 500 ส่วนขยะแห้งประเภทกระดาษ ใบตอง เศษอาหาร ใช้ฉีดพ่น อัตรา EM ขยาย 1 ส่วนผสมน้ำ 500 ส่วน หรือ EM ขยาย 1 ลิตร : น้ำ 500 ลิตรวิธีใช้และประโยชน์ EM ขยายใช้กับพืชเหมือน EM สด ใช้กับสัตว์ ผสมน้ำ 1 : 100 ฉีดพ่นคอก กำจัดแมลงรบกวน ผสมน้ำ 1: 1000 ล้างคอก กำจัดกลิ่น ผสมน้ำในอัตรา 1: 500 หรือ 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร เพื่อหมักหญ้าแห้ง ฟางแห้ง เป็นอาหารสัตว์ ใช้ทำปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยแห้ง เหมือนใช้ EM สด ใช้กับสิ่งแวดล้อม เหมือนใช้ EM สด

การดูแลรักษา
หัวเชื้อ EM สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 ปี โดยปิดฝาให้สนิท อย่าทิ้ง EM ไว้กลางแดด และอย่าเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติ ทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ต้องรีบปิดฝาให้สนิท เพื่อไม่ให้เชื้อโรค หรือจุลินทรีย์ในอากาศที่เป็นโทษเข้าไปปะปน การนำ EM ไปขยายต่อ ควรใช้ภาชนะที่สะอาดและใช้ให้หมดในระยะเวลาที่เหมาะสม ข้อสังเกตพิเศษหาก EM เปลี่ยนเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็นเน่า ถือว่า EM ตาย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ให้นำ EM ที่เสียผสมน้ำรดกำจัดหญ้าและวัชพืชที่ไม่ต้องการได้ กรณีเก็บไว้นาน ๆ จะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ แสดงว่า EM พักตัว เมื่อเขย่าภาชนะฝ้าขาวจะสลายตัวกลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิมนำไปใช้ได้ เมื่อนำไปขยายเชื้อในน้ำและกากน้ำตาล จะมีกลิ่นหอม และเป็นฟองขาว ๆ ภายใน 2-3 วัน ถ้าไม่มีฟอง น้ำนิ่งสนิทแสดงว่าการหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล

ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=xammy&month=08-2006&date=17&group=3&gblog=1 เขียนไว้ดีมาก

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551

อีเอ็ม (EM) คืออะไร

EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิงะ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษาแนวคิดเรื่อง " ดินมีชีวิต" ของท่านโมกิจิ โอกะดะ (พ.ศ.2425-2498) บิดาเกษตรธรรมชาติของโลกจากนั้น ดร.ฮิงะ เริ่มค้นคว้าทดลองตั้งแต่ปี พ.ศ 2510 และค้นพบ EM เมื่อ พ.ศ. 2526 ท่านอุทิศทุ่มเททำการวิจัยผลว่ากลุ่มจุลินทรีย์นี้ใช้ได้ผลจริง
หลังจากนั้นศาสนาจารย์วาคุกามิ ได้นำมาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา หรือ คิวเซ (คิวเซ แปลว่า ช่วยเหลือโลก) ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

จากการค้นคว้าพบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ว่ามี 3 กลุ่ม คือ1. กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพ มีประมาณ 10 % 2. กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10 %3. กลุ่มเป็นกลาง มีประมาณ 80 % จุลินทรีย์กลุ่มนี้หากกลุ่มใด มีจำนวนมากกว่ากลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือร่วมด้วย
ดังนั้น การเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพลงในดิน ก็เพื่อให้กลุ่มสร้างสรรค์มีจำนวนมากกว่า ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับมีพลังขึ้นมาอีกหลังจากที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีจนดินตายไป

จุลินทรีย์มี 2 ประเภท
1. ประเภทต้องการอากาศ (Aerobic Bacteria)
2. ประเภทไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic Bacteria)

จุลินทรีย์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้จากการค้นคว้าดังกล่าว ได้มีการนำเอาจุลินทรีย์ที่ได้รับการคัดและเลือกสรรอย่างดีจากธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม มารวมกัน 5 กลุ่ม (Families) 10 จีนัส (Genues) 80 ชนิด (Spicies) ได้แก่


กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi) ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำงานได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจน มีคุณสมบัติต้านทานความร้อนได้ดี ปกติใช้เป็นหัวเชื้อผลิตเหล้า ผลิตปุ๋ยหมัก ฯลฯ

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง (Photosynthetic microorganisms) ทำหน้าที่สังเคราะห์สารอินทรีย์ให้แก่ดิน เช่น ไนโตรเจน (N2) กรดอะมิโน (Amino acids) น้ำตาล (Sugar) วิตามิน (Vitamins) ออร์โมน (Hormones) และอื่นๆ เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ดิน

กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก (Zynogumic or Fermented microorganisms) ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้ดินต้านทานโรค (Diseases resistant) ฯลฯ เข้าสู่วงจรการย่อยสลายได้ดี ช่วยลดการ พังทลายของดิน ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชบางชนิด ของพืชและสัตว์ สามารถบำบัดมลพิษในน้ำเสียที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษต่างๆ ได้

กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน (Nitrogen fixing microorganisms) มีทั้งพวกที่เป็นสาหร่าย (Algae) และพวกแบคทีเรีย (Bacteria) ทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนจากอากาศเพื่อให้ดินผลิตสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต เช่น โปรตีน (Protein) กรดอินทรีย์ (Organic acids) กรดไขมัน (Fatty acids) แป้ง (Starch or Carbohydrates) ฮอร์โมน(Hormones) วิตามิน (Vitamins) ฯลฯ

กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก (Lactic acids) มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อรา และแบคทีเรียที่เป็นโทษ ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศหายใจ ทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพดินเน่าเปื่อย หรือดินก่อโรคให้เป็นดินที่ต้านทานโรค ช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืชที่มีจำนวนนับแสน หรือให้หมดไป นอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายเปลือกเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยให้เมล็ดงอกได้ดีและแข็งแรงกว่าปกติอีกด้วย

ที่มา : http://www.chivavithee.net/modules.php?name=News&file=article&sid=23 ลองคลิกเข้าไปดูกันนะ

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

การนำ EM ไปใช้ กับการปลูกพืช

วัสดุที่ใช้
1. EM ขยาย
2. EM โบกาฉิ หรือ ปุ๋ยคอกหมัก
3. สารเสริม เช่น EM5 ฮอร์โมนผลไม้ EM F.P.E. พืช อาศัยอาหารจากดิน อาหารในดินก็คือ ซากพืช ซากสัตว์ ที่ผ่านการย่อยของจุลินทรีย์แล้ว

ดังนั้นแปลงปลูกพืชจะต้องยึดหลัก 3 ประการ
1. การคลุมดิน ช่วยให้รักษาความชื้น ป้องกันวัชพืช และกลายเป็นปุ๋ย
- แปลงเพาะปลูกพืชผัก ต้องคลุม แปลง
- ในสวนไม้ผล จัดหาหญ้า ฟาง ใบไม้ใส่ หากมีหญ้า ก็ตัดคลุมดิน ถ้าไม่ตัดก็ปล่อยไว้ ไม่ควรใช้ยาฆ่าหญ้า - ในไร่ ในนา ปล่อยหญ้าฟางไว้ ไม่ควรเผา หรือกำจัด ใช้วิธีไถเพื่อกำจัด จะกลายไปเป็นปุ๋ย

2. ไม่ไถพรวน ยกเว้น
- เพื่อการกำจัดวัชพืช
- เพื่อการยกแปลงใหม่ จะทำไร่ ทำนา หญ้าในแปลงมากมายเป็นเรื่องดี ใส่ EM โบกาฉิ พ่น EM แล้วไถพรวน หญ้าจะถูกย่อยเป็นปุ๋ย หรือไถแล้วยกแปลงเพื่อการปลูกผัก ข้าวโพด มัน อ้อย และอื่นๆ ที่ปลูกบนแปลง

3. งดเคมี หากไม่งดจะทำให้การพัฒนาดินเป็นไปได้ช้า เพราะ
- เคมีทำให้ดินแข็ง
- EM ทำให้ดินร่วน

หากใช้ร่วมกับเคมีอยู่เสมอๆ ดินจะไม่พัฒนา ผลผลิตจะไม่เพิ่ม ปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชแก้ไม่ได้โดยวิธีธรรมชาติ

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

สถานที่ท่องเที่ยว อ.ท่าม่วง

วัดถ้ำเขาน้อย
อยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ วัดนี้ประดับประดาไปด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งมีศิลปะแบบจีน และมีความงามสะดุดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเก๋งจีนบนยอดเขา




วัดถ้ำเสือ
ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง อยู่ห่างจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ ประมาณ 4 กม. ทางเข้าวัดต้องผ่านตัวเขื่อนวชิราลงกรณ์แล้วเลี้ยวขวา วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขา มีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก และอุโบสถอัฏมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา







เขื่อนแม่กลอง
เป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอท่าม่วง ห่างจากตัวเมืองลงไปทางใต้ประมาณ 14 กม. เป็นเขื่อนที่มีความสำคัญที่สุดในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง ครอบคลุมพื้นที่ 3 ล้านไร่ ในจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ตัวเขื่อนกว้าง 117.50 เมตร ยาว 1,650 เมตร บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม

ผลิตภัณฑ์ OTOP



กำไลข้อมือเงินชุบทอง เครื่องประดับและของตกแต่งจากนิลแบบต่างๆ เช่น แหวน สร้อยคอ กำไล ต่างหู นิลรูปสัตว์ต่างๆ รถไฟจำลอง ฯลฯ จากศูนย์ฝึกอาชีพเจียระไนนิล จังหวัดกาญจนบุรี(OTOP)

แหล่งขาย : กลุ่มศูนย์ฝึกวิชาชีพเจียระไนนิล 284/31 บ้านเหนือ ถ.แสงชูโต ใกล้โรงแรมริเวอร์แคว ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71000 ติดต่อ : นางกิมไน้ สิริพฤกษา โทร : 034 512144, 01 858-8833

------------------------------------------------------------------------------------------
เก้าอี้ยาว เก้าอี้ยาว(OTOP)

แหล่งขาย : กลุ่มอาชีพเฟอร์นิเจอร์ไม้สักทอง 71/2 หมู่ 6 บ้านไร่ ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 71180 ติดต่อ : นางขวัญหล้า กัณฑวงศ์ โทร : 034 519062

------------------------------------------------------------------------------------------



แก้วน้ำเบญจรงค์ ลายจุดทอง แก้วน้ำเบญจรงค์พร้อมจานรอง (OTOP)(มผช)

แหล่งขาย : กลุ่มหัตถกรรมเบญจรงค์ หวายเหนียว 59 หมู่ 1 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120 ติดต่อ : คุณบุษกร จุ่นอยู่ โทร :01 2908580, 01 7954068, 02 2345401

------------------------------------------------------------------------------------------


กระถางธูปเบญจรงค์ 10 นิ้ว ลายข้าวบิณฑ์ตั้ง
กระถางธูปเบญจรงค์ 10 นิ้ว ลายข้าวบิณฑ์ตั้ง (OTOP)(มผช)

แหล่งขาย : กลุ่มหัตถกรรมเบญจรงค์ หวายเหนียว 59 หมู่ 1 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120 ติดต่อ : คุณบุษกร จุ่นอยู่ โทร :01 2908580, 01 7954068, 02 2345401

-----------------------------------------------------------------------------------

ถ้าหากสนใจ ก็ลองเข้าไปดูลายละเอียดในเวบนี้นะค่ะ : http://www.rd.go.th/kanchanaburi/1566.0.html