วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551

อีเอ็ม (EM) คืออะไร

EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิงะ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษาแนวคิดเรื่อง " ดินมีชีวิต" ของท่านโมกิจิ โอกะดะ (พ.ศ.2425-2498) บิดาเกษตรธรรมชาติของโลกจากนั้น ดร.ฮิงะ เริ่มค้นคว้าทดลองตั้งแต่ปี พ.ศ 2510 และค้นพบ EM เมื่อ พ.ศ. 2526 ท่านอุทิศทุ่มเททำการวิจัยผลว่ากลุ่มจุลินทรีย์นี้ใช้ได้ผลจริง
หลังจากนั้นศาสนาจารย์วาคุกามิ ได้นำมาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา หรือ คิวเซ (คิวเซ แปลว่า ช่วยเหลือโลก) ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

จากการค้นคว้าพบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ว่ามี 3 กลุ่ม คือ1. กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพ มีประมาณ 10 % 2. กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10 %3. กลุ่มเป็นกลาง มีประมาณ 80 % จุลินทรีย์กลุ่มนี้หากกลุ่มใด มีจำนวนมากกว่ากลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือร่วมด้วย
ดังนั้น การเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพลงในดิน ก็เพื่อให้กลุ่มสร้างสรรค์มีจำนวนมากกว่า ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับมีพลังขึ้นมาอีกหลังจากที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีจนดินตายไป

จุลินทรีย์มี 2 ประเภท
1. ประเภทต้องการอากาศ (Aerobic Bacteria)
2. ประเภทไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic Bacteria)

จุลินทรีย์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้จากการค้นคว้าดังกล่าว ได้มีการนำเอาจุลินทรีย์ที่ได้รับการคัดและเลือกสรรอย่างดีจากธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม มารวมกัน 5 กลุ่ม (Families) 10 จีนัส (Genues) 80 ชนิด (Spicies) ได้แก่


กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi) ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำงานได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจน มีคุณสมบัติต้านทานความร้อนได้ดี ปกติใช้เป็นหัวเชื้อผลิตเหล้า ผลิตปุ๋ยหมัก ฯลฯ

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง (Photosynthetic microorganisms) ทำหน้าที่สังเคราะห์สารอินทรีย์ให้แก่ดิน เช่น ไนโตรเจน (N2) กรดอะมิโน (Amino acids) น้ำตาล (Sugar) วิตามิน (Vitamins) ออร์โมน (Hormones) และอื่นๆ เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ดิน

กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก (Zynogumic or Fermented microorganisms) ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้ดินต้านทานโรค (Diseases resistant) ฯลฯ เข้าสู่วงจรการย่อยสลายได้ดี ช่วยลดการ พังทลายของดิน ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชบางชนิด ของพืชและสัตว์ สามารถบำบัดมลพิษในน้ำเสียที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษต่างๆ ได้

กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน (Nitrogen fixing microorganisms) มีทั้งพวกที่เป็นสาหร่าย (Algae) และพวกแบคทีเรีย (Bacteria) ทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนจากอากาศเพื่อให้ดินผลิตสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต เช่น โปรตีน (Protein) กรดอินทรีย์ (Organic acids) กรดไขมัน (Fatty acids) แป้ง (Starch or Carbohydrates) ฮอร์โมน(Hormones) วิตามิน (Vitamins) ฯลฯ

กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก (Lactic acids) มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อรา และแบคทีเรียที่เป็นโทษ ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศหายใจ ทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพดินเน่าเปื่อย หรือดินก่อโรคให้เป็นดินที่ต้านทานโรค ช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืชที่มีจำนวนนับแสน หรือให้หมดไป นอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายเปลือกเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยให้เมล็ดงอกได้ดีและแข็งแรงกว่าปกติอีกด้วย

ที่มา : http://www.chivavithee.net/modules.php?name=News&file=article&sid=23 ลองคลิกเข้าไปดูกันนะ

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

การนำ EM ไปใช้ กับการปลูกพืช

วัสดุที่ใช้
1. EM ขยาย
2. EM โบกาฉิ หรือ ปุ๋ยคอกหมัก
3. สารเสริม เช่น EM5 ฮอร์โมนผลไม้ EM F.P.E. พืช อาศัยอาหารจากดิน อาหารในดินก็คือ ซากพืช ซากสัตว์ ที่ผ่านการย่อยของจุลินทรีย์แล้ว

ดังนั้นแปลงปลูกพืชจะต้องยึดหลัก 3 ประการ
1. การคลุมดิน ช่วยให้รักษาความชื้น ป้องกันวัชพืช และกลายเป็นปุ๋ย
- แปลงเพาะปลูกพืชผัก ต้องคลุม แปลง
- ในสวนไม้ผล จัดหาหญ้า ฟาง ใบไม้ใส่ หากมีหญ้า ก็ตัดคลุมดิน ถ้าไม่ตัดก็ปล่อยไว้ ไม่ควรใช้ยาฆ่าหญ้า - ในไร่ ในนา ปล่อยหญ้าฟางไว้ ไม่ควรเผา หรือกำจัด ใช้วิธีไถเพื่อกำจัด จะกลายไปเป็นปุ๋ย

2. ไม่ไถพรวน ยกเว้น
- เพื่อการกำจัดวัชพืช
- เพื่อการยกแปลงใหม่ จะทำไร่ ทำนา หญ้าในแปลงมากมายเป็นเรื่องดี ใส่ EM โบกาฉิ พ่น EM แล้วไถพรวน หญ้าจะถูกย่อยเป็นปุ๋ย หรือไถแล้วยกแปลงเพื่อการปลูกผัก ข้าวโพด มัน อ้อย และอื่นๆ ที่ปลูกบนแปลง

3. งดเคมี หากไม่งดจะทำให้การพัฒนาดินเป็นไปได้ช้า เพราะ
- เคมีทำให้ดินแข็ง
- EM ทำให้ดินร่วน

หากใช้ร่วมกับเคมีอยู่เสมอๆ ดินจะไม่พัฒนา ผลผลิตจะไม่เพิ่ม ปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชแก้ไม่ได้โดยวิธีธรรมชาติ

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

สถานที่ท่องเที่ยว อ.ท่าม่วง

วัดถ้ำเขาน้อย
อยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ วัดนี้ประดับประดาไปด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งมีศิลปะแบบจีน และมีความงามสะดุดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเก๋งจีนบนยอดเขา




วัดถ้ำเสือ
ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง อยู่ห่างจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ ประมาณ 4 กม. ทางเข้าวัดต้องผ่านตัวเขื่อนวชิราลงกรณ์แล้วเลี้ยวขวา วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขา มีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก และอุโบสถอัฏมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา







เขื่อนแม่กลอง
เป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอท่าม่วง ห่างจากตัวเมืองลงไปทางใต้ประมาณ 14 กม. เป็นเขื่อนที่มีความสำคัญที่สุดในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง ครอบคลุมพื้นที่ 3 ล้านไร่ ในจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ตัวเขื่อนกว้าง 117.50 เมตร ยาว 1,650 เมตร บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม

ผลิตภัณฑ์ OTOP



กำไลข้อมือเงินชุบทอง เครื่องประดับและของตกแต่งจากนิลแบบต่างๆ เช่น แหวน สร้อยคอ กำไล ต่างหู นิลรูปสัตว์ต่างๆ รถไฟจำลอง ฯลฯ จากศูนย์ฝึกอาชีพเจียระไนนิล จังหวัดกาญจนบุรี(OTOP)

แหล่งขาย : กลุ่มศูนย์ฝึกวิชาชีพเจียระไนนิล 284/31 บ้านเหนือ ถ.แสงชูโต ใกล้โรงแรมริเวอร์แคว ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71000 ติดต่อ : นางกิมไน้ สิริพฤกษา โทร : 034 512144, 01 858-8833

------------------------------------------------------------------------------------------
เก้าอี้ยาว เก้าอี้ยาว(OTOP)

แหล่งขาย : กลุ่มอาชีพเฟอร์นิเจอร์ไม้สักทอง 71/2 หมู่ 6 บ้านไร่ ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 71180 ติดต่อ : นางขวัญหล้า กัณฑวงศ์ โทร : 034 519062

------------------------------------------------------------------------------------------



แก้วน้ำเบญจรงค์ ลายจุดทอง แก้วน้ำเบญจรงค์พร้อมจานรอง (OTOP)(มผช)

แหล่งขาย : กลุ่มหัตถกรรมเบญจรงค์ หวายเหนียว 59 หมู่ 1 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120 ติดต่อ : คุณบุษกร จุ่นอยู่ โทร :01 2908580, 01 7954068, 02 2345401

------------------------------------------------------------------------------------------


กระถางธูปเบญจรงค์ 10 นิ้ว ลายข้าวบิณฑ์ตั้ง
กระถางธูปเบญจรงค์ 10 นิ้ว ลายข้าวบิณฑ์ตั้ง (OTOP)(มผช)

แหล่งขาย : กลุ่มหัตถกรรมเบญจรงค์ หวายเหนียว 59 หมู่ 1 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120 ติดต่อ : คุณบุษกร จุ่นอยู่ โทร :01 2908580, 01 7954068, 02 2345401

-----------------------------------------------------------------------------------

ถ้าหากสนใจ ก็ลองเข้าไปดูลายละเอียดในเวบนี้นะค่ะ : http://www.rd.go.th/kanchanaburi/1566.0.html


วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2551

เขื่อนศรีนครินทร์


อยู่ทางตอนบนของแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งเหนือสันเขื่อนมีทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเขื่อนศรีนครินทร์อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 70 กิโลเมตร อยู่บนทางหลวงหมายเลข 3199 เมื่อเดินทางมาที่นี่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มักจะแวะเที่ยวน้ำตกเอราวัณด้วย หากชอบลุยๆ หน่อยก็จะไปต่อกันที่ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์


ที่นี่อย่างไงละค่ะ คือ สัญลักษณ์แห่งหนึ่งของจ.กาญฯ จุดที่จะแนะนำคือ ช่วงที่ทางรถไฟเลียบลัดเลาะหน้าผาจนถึงสถานีถ้ำกระแซ พูดถึงประวัติฯ ที่นี่แล้วยาวมากค่ะ ทางรถไฟแห่งนี้ได้ใช้ชิวิตเชลยศึกไปเป็นจำนวนมาก มีภาพยนต์หลายเรื่องก็มาถ่ายทำกันที่นี่ ชาวต่างชาติจะรู้จักกันในนาม "The River Kwai"

จุดเด่น ภาพทิวทัศน์เขียวชอุ่ม กับสายลมอ่อนๆพัดผ่านเหนือผิวน้ำลำน้ำแคว ด้านหนึ่งคือทางรถไฟ อีกด้านคือแพที่พัก เรียงรายคู่ขนานไปตามสายน้ำ




ทุกๆเช้า ประมาณ 8 น.จะมีรถไฟขบวนแรกวิ่งผ่านบนสะพานไม้นี้ บนระเบียงของรีสอร์ทจะเป็นมุมที่เด่นที่สุดที่ได้เห็นรถไฟนี้

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นสถานที่แห่งแรกที่อยากจะแนะนำ เพราะกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีแม่น้ำแควใหญ่ และแม่น้ำแควน้อยไหลผ่าน บนสะพานมีมุมถ่ายภาพสวย ๆ อยู่หลายมุมไห้เลือกถ่าย แต่การเดินบนสะพาน ควรระวังรถไปที่วิ่งไปมาด้วย บริเวณโดยรอบสะพานมีทั้งรีสอร์ท, แพ และร้านอาหารจำนวนมากไว้บริการนักท่องเที่ยว

การเดินทาง ทางรถยนต์จากตัวเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 400 เมตร จะมีป้ายบอกชัดเจนมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 870 เมตร หรือจะเดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยร่วมกับบริษัท ริเวอร์แควการ์เดน จำกัด ได้จัดนำเที่ยวแบบพิเศษ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติ 2 ข้างทางได้อย่างใกล้ชิด

แผนที่จังหวัดกาญจนบุรี



อุทยานแห่งชาติเอราวัณ



สถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอศรีสวัสดิ์





มีเนื้อที่ 343,750 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2518 มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ





น้ำตกเอราวัณ


เป็นน้ำตกที่ใหญ่ และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ น้ำตกเอราวัณมีความยาว 2,000 เมตร ทั้งหมด 7 ชั้น อยู่ห่างจากตัวเมือง 65 กม. ขึ้นไปบนเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199) เมื่อถึงกม.ที่ 56 แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ตรงไปอีกประมาณ 3 กม. ถึงลานจอดรถแล้วเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะถึงน้ำตก สำหรับการเดินทางโดยรถประจำทาง มีรถออกจากสถานีขนส่งใกล้ที่ทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวัน ที่บริเวณน้ำตกเอราวัณมีบ้านพักของกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 579-0529, 579-4842
------------------------------------------------------------
ถ้ำวังบาดาล
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 54 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 323 ตรงหลัก กม.ที่ 63 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 2 กม. ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ (วังบาดาล) แล้วเดินทางต่อไปอีก 1 กม. จะถึงปากถ้ำลักษณะของถ้ำวังบาดาล เช่น ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ปากทางเข้าเป็นห้องเล็กๆ มีหลายห้อง ห้องชั้นล่างมีน้ำไหลผ่านและมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ด้วย เช่น ห้องม่านพระอินทร์ จะมีลักษณะหินย้อยลงมาคล้ายกับม่าน ห้องเข็มนารายณ์ มีลักษณะคล้ายเข็มแท่งใหญ๋ซึ่งวิจิตรงดงามมาก

------------------------------------------------------------
ถ้ำพระธาตุ
อยู่ห่างจากน้ำตกเอราวัณประมาณ 8 กม. ห่างที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 12 กม. เป็นถ้ำขนาดใหญ๋ถื้นถ้ำเรียบมีความยาวประมาณ 200 ม. มีหินงอกหินย้อยงดงามมาก หินส่วนใหญ่จะโปร่งแสง มีหินทรายรูปพระธาตุ หรือรูปนกอินทรีย์หุบปีกตั้งอยู่กลางถ้ำ นอกจากนี้ยังมีเสาเอก เสาโท อยู่ภายในถ้ำอีกด้วย การเข้าชมถ้ำพระธาตุ นักท่องเที่ยวจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ณ ที่ทำการ ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทางให้
------------------------------------------------------------
ถ้ำตาด้วง
เริ่มจาก จ.กาญฯ ไปตามเส้นทางที่จะไปเขื่อนศรีนครินทร์จนถึงบ้านถ้ำพระธาตุ แล้วเลี้ยวซ้าย ไปยังอำเภอไทรโยค ประมาณ 2 กม. จะมีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจะเป็นทางติดกับแม่น้ำแคว และสามารถเข้าไปยังด้านหลังเขื่อนท่าทุ่งนาได้ ระยะทางประมาณ 2 กม. จะถึงเชิงเขาที่มีถ้ำตาด้วง จากนั้นต้องเดินขึ้นเขา ซึ่งค่อนข้างชันมากไปอีก 700-800 ม. เนื่องจากถ้ำนี้มีหินถล่มลงมาปิดปากถ้ำจึงไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ลักษณะเด่นของถ้ำนี้มีภาพเขียนอยู่ทีผนังปากถ้ำเป็นรูปคนและต้นไม้ นอกจากนี้ยังพบเศษเครื่องใช้สมัยโบราณยุคหินใหม่ เช่น เศษถ้วย ไห เป็นต้น
------------------------------------------------------------

ถ้ำหมี
เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีอากาศถ่ายเทพอควร (จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ในอดีตถ้ำนี้เป็นที่อยู่ของหมี ทำให็เรียกต่อๆ มาว่า "ถ้ำหมี") ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องลดหลั่นเป็นชั้นๆ ได้ 5 ห้อง แต่ละห้องจะปรากฏหินรูปร่าง และสีแปลกตามีหินงอก หินย้อยตามผนังถ้ำสวยงามพอสมควร ท่านสามารถเดินทางจากจังหวัดกาญฯ ไปยังบ้านถ้ำพระธาตุ แล้วเลี้ยซ้ายไปทางอำเภอไทรโยค จนถึงทางเข้าบ้านทับศิลาบริเวณหลัก กม.ที่ 10 แล้วเดินทางไปตามทางลูกรังอีก 500 ม. จะถึงบ้านทับศิลาและเข้าซอยสามัคคีธรรม 10 จนถึงคลองตะเคียน จากจุดนี้เดินเท้าไปตามเส้นทางชักลากไม้เก่าต่อไปอีก 7 กม.

------------------------------------------------------------
ถ้ำเรือ
เริ่มจากซอยสามัคคีธรรม 10 ข้ามคลองตะเคียนไปประมาณ 100-200 ม. จะมีทางเลี้ยวขวา ซึ่งรถยนต์จะสามารถแล่นเข้าไปได้ประมาณ 200-300 ม. จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. ก็จะถึงถ้ำเรือ ซึ่งเป็นถ้ำที่มีความลึก ประมาณ 40-50 ม. ไม่มีหินงอกหินย้อยแต่จุดเด่นอยู่ที่มีภาชนะที่ใช้รองน้ำสมัยโบราณวางอยู่ ภาชนะนั้นทำจากไม้ทั้งต้น
----------------------------------------------------------------------------------------------

อุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยค












อุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยคกาญจนบุรี
มีเนื้อที่ 598,750 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2523 สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน ประกอบด้วยพื้นที่ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ไทรโยค ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งเดียวในประเทศไทยที่มีค้างคาวที่เล็กที่สุดในโลก คือ ค้างคาวกิตติ และ ปูราชินี ปูน้ำจืดชนิดใหม่ของโลกอาศัยอยู่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทรโยคเคยเป็นค่ายพักแรมของทหารญี่ปุ่น ปัจจุบันปรากฎร่องรอยเตาหุงข้าวและซากเตาไฟอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบร่องรอยมนุษย์ยุคหินเก่า แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ


น้ำตกไทรโยคใหญ่ หรือเรียกอีกชื่อว่า น้ำตกเขาโจน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลตกลงจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำแควน้อยราวกับกระโจนลงมา น้ำตกไทรโยคใหญ่จะมีน้ำตลอดปี และน้ำจะแรงมากในฤดูฝน และในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เคยเสด็จประพาส ณ น้ำตกแห่งนี้ เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 3 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2420 ปีฉลู ภายในอุทยานมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทาง และมีจุดชมวิวสะพานแขวนไทรโยคที่จะเห็นน้ำตกไทรโยคได้ชัดเจน อัตราค่าเข้าชมอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท บริเวณอุทยานมีบริการร้านอาหาร แพพัก แพล่อง เรือเช่า บ้านพัก ค่ายพักแรมและสถานที่กางเต็นท์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค โทร. 0 3451 6163 และที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น.



วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2551

ประวัติเมืองกาญจนบุรี














กาญจนบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางที่มีผู้คนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่ตั้งของสะพานข้ามแม่น้ำแควซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็น ป่าเขาลำเนาไพร ถ้ำหรือน้ำตก



กาญจนบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 129 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 19,473 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่ามีทั้งป่าโปร่งและป่าดงดิบ มีแม่น้ำสำคัญสองสายคือ แม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อยซึ่งไหลมาบรรจบรวมกันเป็นแม่น้ำแม่กลองที่บริเวณอำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอเลาขวัญ อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอทองผาภูมิ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา
เขตการปกครองและประชากร แบ่งเขตการปกครองออกเป็น- 13 อำเภอ 95 ตำบล 915 หมู่บ้าน - องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มี องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 26 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 95 แห่ง


คำขวัญ "แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก"


การเดินทางภายในจังหวัด สถานีขนส่งกาญจนบุรี ถ.แสงชูโต มีบริการรถโดยสารภายในจังหวัดที่ค่อนข้างสะดวก มีรถโดยสารไปยังอำเภอต่างๆ เช่น อำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ อำเภอทองผาภูมิ และ อำเภอสังขละบุรี หรือเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเช่น น้ำตกเอราวัณ น้ำตกเขาพัง น้ำตกไทรโยคใหญ่ รายละเอียดสอบถามสถานีขนส่งกาญจนบุรี โทร. (034) 511172